วันที่(6 ก.ค.) นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “PERFECT STORM!!!” ระบุว่า ผมรวบรวมข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แสดงถึงความยุ่งยากอย่างมากทางเศรษฐกิจ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างแรงในปัจจุบันจนถึง 7.66% ในเดือนมิถุนายน และยังน่าจะเร่งตัวขึ้นอีกในเดือนปัจจุบัน เพราะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานมีการปรับตัวเพิ่มอย่างเห็นได้ชัด
.
นอกจากนั้น เงินบาทก็อ่อนตัวอย่างหนัก และมีแนวโน้มอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าหลายคนจะหวังว่า การส่งออกและการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะดีขึ้น แต่ในทางกลับกัน ราคาพลังงานที่นำเข้าเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ (หรือเกือบทั้งหมด) ก็จะอยู่ในระดับสูงต่อไป ประกอบกับยังไม่มีการแก้ไขโครงสร้างค่าการกลั่น หรือไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมใดๆ ของรัฐบาลเพื่อจัดการลดผลกระทบในระยะสั้นจากค่าการกลั่นในระดับสูง
.
แต่ตรงกันข้ามที่รัฐบาล โดยรองนายกฯ เศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ PTTGC ซึ่งเป็นโรงกลั่นใหญ่อันดับ 1 ในประเทศ) ยังมีท่าทีเข้าข้างโรงกลั่น แต่ไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งที่มีหลายฝ่ายแนะนำทางแก้ไขปัญหาที่สามารถทำได้ทันที แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจ (ผมเสนอว่า ใช้กระบวนการทางการบริหาร โดยกระทรวงการคลังซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัทพลังงาน และโรงกลั่นใหญ่ 4 โรงจาก 6 โรง … แต่ทราบข้อมูลมาว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างกระทรวงการคลังส่งกรรมการเข้าไปนั่งเฉย ๆ ไม่รู้เรื่องพลังงานเลย การจัดการต่าง ๆ จึงอยู่ในมือของฝ่ายจัดการทั้งสิ้น)
.
การแก้ไขราคาพลังงานของรัฐบาล โดยมอบหมายให้ สมช. ดำเนินการ และมีการประชุมไปแล้ว ผลคือ ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ คล้ายคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ!!! ย้ำนะครับ แก้ปัญหาโดยการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ!!! และยิ่งดูองค์ประกอบของวงประชุม สมช. (ก่อนตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ) จะพบว่า มีคนรู้เรื่องเศรษฐกิจน้อยมาก มีบางคนที่ผมสามารถบอกได้ว่า เกียจคร้านในการทำงาน แต่เก่งมากในการเสนอหน้า !!!
.
Perfect storm ทางเศรษฐกิจพัดโหมกระหน่ำประเทศไทยอย่างแน่นอนครับ แต่รัฐนาวาถูกขับเคลื่อนอย่างไร้ทิศทางโดยรัฐบาลที่ไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิง … ลองวาดภาพดูกันนะครับว่า พวกเราจะประสบชะตากรรมอย่างไร ข้อมูลที่ผมรวบรวมมา มีดังนี้ครับ
.
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ 7.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี โดยสาเหตุหลักยังคงเป็นราคาพลังงานและอาหารที่สูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว) ขยายตัว 2.51% (YoY) ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน) ปี 2565 สูงขึ้น 5.61% (AoA) (รายงานโดย The Standard 5 กรกฎาคม 2565)
.
ค่าเงินบาทอ่อนตัวหนัก แตะระดับ 35.9949 บาท/US$ และปรับตัวมาอยู่ที่ 35.955 บาท/US$ ยังคงผันผวนต่อเนื่อง มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้อีก (รายงานโดย Investing.com 6 กรกฎาคม 2565) ราคาน้ำมันดิบที่แสดงโดย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลงต่ำสุดที่ 99.75 US$/barrel และปรับตัวมาอยู่ที่ 100.81 US$/barrel ยังคงผันผวนต่อเนื่องจากความกังวลใจในภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของโลกที่มีสัญญาณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
.
แต่ยังคงมีแรงกดดันจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศของประเทศลิเบียและการประท้วงของสหภาพแรงงานของนอร์เวย์ โดยล่าสุดบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียประกาศประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) ในการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือ Es Sidr และ Ras Lanuf ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบปรับตัวลดลงราว 0.8-0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับปกติ (รายงานโดยประชาชาติธุรกิจ 5 กรกฎาคม 2565)
.

ThePOINT #ข่าวเศรษฐกิจ #สันติกีระนันทน์ #สร้างอนาคตไทย #PERFECTSTORM #วิกฤเศรษฐกิจ #วิกฤตพลังงาน