เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ชุดใหม่ทั้ง 200 คน ครั้งแรกเพื่อเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ 2 โดยที่ประชุมได้เลือก พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ซึ่งอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานชั่วคราว เมื่อเริ่มเปิดสภา ประธานชั่วคราวได้มีการชี้แจงข้อบังคับ และเข้าสู่วาระ ที่ 1 ทันที
หลังจากประธานชี้แจงรายละเอียดวาระเสร็จ ได้ขอให้สมาชิก สว.ทั้ง 200 คน ลุกขึ้นกล่าวปฏิญาณตนโดยพร้อมกัน
จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอชื่อประธานวุฒิสภา โดยเมื่อเวลา 10.05 น. พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว.กลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง เสนอชื่อ นายมงคล สุระสัจจะ สว.กลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง
ขณะที่นายเศรณี อนิลบล สว.กลุ่มทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ เสนอชื่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กลุ่มการสาธารณสุข และนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว.กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เสนอชื่อ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มสื่อสารมวลชน
ทั้งนี้ก่อนที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งจะแสดงวิสัยทัศน์ สมาชิกมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องเวลา จึงทำให้ประธานที่ประชุมสั่งลงมติในญัตติดังกล่าว ผลปรากฏว่า มีสว.เห็นด้วยให้ใช้เวลาแสดงวิสัยทัศน์ 5 นาที จำนวน 143 เสียง เห็นด้วยให้ใช้เวลาแสดงวิสัยทัศน์ 7 นาที จำนวน 54 งดออกเสียง 3 เสียง เท่ากับสว.เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยให้แสดงวิสัยทัศน์ 5 นาที
โดยนพ.เปรมศักดิ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรก ตามด้วย น.ส.นันทนา และสุดท้ายนายมงคล พร้อมกันนั้นมีการตั้งคณะกรรมการนับคะแนนรวม 5 คน
นพ.เปรมศักดิ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า สว.ชุดนี้ถูกสังคมวิจารณ์ถึงที่มาของกลุ่มอาชีพ ไม่ตรงปก ครอบงำจากกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ตนจึงมุ่งมั่นอาสาเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์สิ่งที่ปรากฎในด้านลบ ประชาชนคาดหวังในการทำงาน เสื้อของเราถ้ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิดก็จะผิดทั้งหมด ดังนั้น การกลัดกระดุมเม็ดแรกของสว. คือการที่เราต้องเป็นอิสระ เป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เราต้องยืนยันศักดิ์ศรีของวุฒิสภาต้องมีความศักดิ์สิทธิ์
“ประธานวุฒิสภาจะทำได้ต้องมีสุขภาพดี เช่น กั้นปัสสาวะไม่ไหว แล้วมอบรองประธานไม่ทัน แล้วประธานต้องลุกไปเข้าห้องน้ำกะทันหัน จนทำให้ต้องปิดประชุมกะทันหัน ผมพร้อมเป็นประธานที่มีสุขภาพที่ดี จึงขอให้สมาชิกพิจารณาด้วยเนื้อผ้า อย่าพิจารณาโดยที่ฟังจากคนอื่นว่ามีการรวมเสียง 143 เสียง ถ้าเป็นแบบนี้วุฒิสภาจะไม่พ้นข้อครหา ขอฝากสมาชิกอย่ามองผู้สมัครคนอื่นเป็นเพียงไม้ประดับ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ ประชาชนมองอยู่ทั่วประเทศและคาดหวังกับเรา”นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
น.ส.นันทนา แสดงวิสัยทัศน์ว่า แม้ที่มาของสว.จะไม่อาจกล่าวได้ว่ามาจากการเลือกของประชาชน แต่เรายึดโยงกับประชาชนผู้ที่จ่ายภาษีที่เป็นเงินเดือนของเราได้ด้วย 5 ส. ได้แก่ 1.สัมพันธ์ 2.สื่อสาร 3.สร้างสรรค์ 4.สมดุล และ 5.สากล วุฒิสภาชุดใหม่ต้องเป็นที่ยอมรับของนานาอารยาประเทศ
เวลาที่ประชาชนจะให้โอกาสเราในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของวุฒิสภาแห่งนี้เหลือน้อยเต็มที การตัดสินใจของเพื่อนวุฒิสภา จะเป็นการชี้ชะตาอนาคตของวุฒิสภาแห่งนี้ ท่านเลือกได้ที่จะเป็นตำนานในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวุฒิสภา ในฐานะผู้ผลักดันการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย 5 ปีของวุฒิสภายุคใหม่จะไม่สูญเปล่า แต่จะเป็นสภาแห่งความหวัง สภาแห่งความศรัทธา
“ดิฉันจึงขออาสาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ ในบทบาทประธานวุฒิสภา และขอวิงวอนท่านสมาชิกวุฒิสภาผู้ทรงเกียรติมาร่วมกันทำให้วุฒิสภายุคใหม่เป็นสภาของประชาชน ให้เป็นหนึ่งในเสาหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” น.ส.นันทนา กล่าว
นายมงคล แสดงวิสัยทัศน์ว่า การปฏิบัติหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ในฐานะสว.ที่ต้องการให้ประเทศไทยและคุณภาพชีวิตของคนไทยไปสู่สิ่งที่ดีกว่าและดีขึ้นในทุกๆมิติ เราเห็นต่างกันได้ แต่เราต้องไม่สร้างความแตกแยก เราจะเริ่มต้นจากความเป็นหนึ่งเดียวของวุฒิสภาแห่งนี้ วิกฤตที่เกิดขึ้นทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ ที่ผ่านมา ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่ประเทศอื่นก็เป็น ฉะนั้นเราจะไปหวังว่าให้ใครมาช่วยเราไม่ได้ เราคนไทยต้องช่วยกัน
“ชีวิตผม มาจากก้อนดิน ก้อนทราย เป็นเด็กวัด เรียนอาชีวะ ผมเข้าใจความยากจนค้นแค้น ความเป็นคนไม่มีเส้นมีสาย ผมเติบโตมาในระบบราชการด้วยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ ผมมีประสบการณ์คลุกคลีอยู่กับประชาชนในชนบทมาตลอดชีวิต ผมเข้าใจปัญหา ผมมีประสบการณ์อันยาวนาน และมีเพื่อนอยู่ทุกหมู่เหล่า ดังนั้นผมเชื่อว่า สามารถที่จะเข้าใจและทำงานร่วมกับทกุคนได้ วุฒิสภาปัจจุบัน” นายมงคล กล่าว
นายมงคล กล่าวต่อว่า หากตนได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ตนจะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับ กฎหมายต่างๆ พร้อมใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ ประสานงานกับทุกท่านให้เป็นเนื้อเดียวกันให้เร็วที่สุด และจะขอเชิญทุกคนมาช่วยกันและก้าวเดินไปพร้อมๆกัน เพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้บรรลุผลความเป็นสภาของสามัญชน เป็นสภาที่ประนอมอำนาจเพื่อดับวิกฤตของสังคมไทย
หลังจากแสดงวิสัยทัศน์เสร็จสิ้น ประธานที่ประชุมได้เปิดให้ลงคะแนนด้วยวิธีการกาบัตรและเรียกสมาชิกหย่อนบัตรทีละคน ผลปรากฎว่า นายมงคล ได้ 159 คะแนน น.ส.นันทนา ได้ 19 คะแนน และนพ.เปรมศักดิ์ ได้ 13คะแนน บัตรเสีย 5 ใบ งดออกเสียง 4ใบ
ดังนั้น นายมงคล ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ถือเป็นบุคคลที่ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา