วันนี้(11 ส.ค) นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวถึงกรณีสภาล่ม เนื่องจากมีส.ส.เข้าร่วมประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 10 ส.ค. เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ… ไม่ครบองค์ประชุม ว่า การแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ต้องใช้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาบนพื้นฐานความเชื่อมั่นว่าวุฒิสภาจะคอยป้องกันการใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรไปแก้ไขกติกาต่างๆ ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
.
“ผลร้ายกลับกลายเป็นว่าผู้มีอำนาจสั่งผ่านวุฒิสภามาตัดสินสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยเปลี่ยนจากหาร 100 เป็นหาร 500 ซึ่งถือว่าประหลาด และขัดหลักการตามรัฐธรรมนูญที่แก้ไขไปแล้ว โดยข้อสังเกตเรื่องนี้คือทั้ง ส.ส. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รู้ดีว่าสูตรคำนวณต้องบัญญัติอย่างไร จึงเสนอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ใช้สูตรหาร 100 ตามหลักการทั้ง 4 ฉบับ แต่ผู้มีอำนาจกลับใช้มติสภามาแก้ไขจนบิดเบี้ยวเป็นสูตรหาร 500 ซึ่งก็โชคดีที่ไปต่อไม่ได้และถึงจุดจบท่ามกลางความเสียหาย”นายวิเชียร กล่าว
.
อย่างไรก็ตามตนมีความคิดเห็นว่า
- สถาบันรัฐสภาถูกมองว่าไม่มีหลักการ ถูกใช้เป็นเครื่องมือ นั่นย่อมเป็นการทำลายสถาบันรัฐสภาอันเป็นผู้แทนปวงชน คำถามคือใครทำจนสภาต้องทำลายตัวเองด้วยการไม่พิจารณาให้เสร็จภายใน 180 วัน
- สภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวนมาก ดังนั้นค่าตอบแทน ค่าสถานที่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมแล้วเดือนหนึ่งหลายร้อยล้านบาท โดยสภาใช้เวลาพิจารณาอย่างสูญเปล่าเป็นเวลา 180 วันหรือ 6 เดือนรวมมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท
- ความเชื่อถือศรัทธาของผู้แทนปวงชนที่มาทำหน้าที่บัญญัติกฎหมายถูกทำลายเสียหายจนประเมินค่าไม่ได้
.
นายวิเชียร กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อคืนอำนาจให้ผู้แทนปวงชนได้ทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรอย่างแท้จริง ในการดำเนินการ หรือการเลือกตั้งทั่วไป ต้องจัดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อมาทำหน้าที่เขียนบทบัญญัติที่เป็นไปตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ และคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ควรคงไว้ซึ่งบทบัญญัติในหมวดที่ 1 บททั่วไป ซึ่งเป็นหลักการปกครอง และหมวดที่ 2 พระมหากษัตริย์ เพื่อรักษาไว้ซึ่งประเพณีอันดีงาม และความสงบเรียบร้อยในระบอบประชาธิปไตยของไทย
.