เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี นายอายุตม์ สินธพพันธ์ และนายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในเรือนจำ ว่าขณะนี้มีผู้ต้องขังที่ติดเชื้อในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯจำนวน 1,794 ราย ผู้ต้องขังในเรือนจำทัณฑสถานหญิงกลางติดเชื้อ 1,039 ราย รวมทั้ง 2 เรือนจำ มีผู้ติดเชื้อ 2,833 ราย ในส่วนของผู้ที่ติดเชื้อได้ส่งตัวไป รักษายังโรงพยาบาลแม่ข่าย คือ โรงพยาบาลทัณฑสถาน ได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มด้วย ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อในกลุ่มไม่แสดงอาการหรือกลุ่มสีเขียว จะส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของเรือนจำที่ผู้ต้องขังนั้นๆ ซึ่งเรือนจำบางแดนได้มีการปิดเพื่อทำเป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว
นอกจากนี้ในการรับตัวผู้ต้องขังแรกรับจากเดิมที่กักโรค 14 วันจะเพิ่มเป็นระยะเวลา 21 วัน รวมทั้งจากเดิมจะมีการคัดกรอง 3 วันแรก แต่เปลี่ยนแปลงเป็นคัดกรองตรวจหาเชื้ออโควิดตั้งแต่วันแรกก่อนที่จะส่งไปเข้าเรือนจำ พร้อมกันนี้จะมีการคัดกรองผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุดโดยวิธีการสวอปและเอกซเรย์ปอดผู้ต้องขังทุกรายให้เร็วที่สุด และจะประสานกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ รวมทั้งประสานโรงพยาบาลอภัยภูเบศร เพื่อจัดซื้อฟ้าทะลายโจรมา ให้การรักษาแก่ผู้ต้องขังที่มีอาการไม่มากนัก พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ผู้ต้องขัง สวมแมสตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการอาบน้ำจะให้มีการเพิ่มคลอรีน เพื่อให้ทำความสะอาดร่างกายมากยิ่งขึ้น ตลอดจนได้มีการเร่งทำห้องแล็บ โดยได้โดยส่วนนี้ได้รับเงินจากการพระราชทานโครงการปันสุขราชทัณฑ์ ซึ่งจะเสร็จได้ภายใน 5 วัน ว่าจะสามารถตรวจ หาเชื้อได้วันละ 1,500 รายต่อวัน นอกจากนี้ในบางเรือนจำผู้บัญชาการเรือนจำในบางจังหวัดได้ประสานกับทางสาธารณสุขจังหวัดเพื่อให้มีการฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขัง
