เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า “ดิจิทัลวอลเล็ต…การกระตุ้น ศก.เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่การจะกระตุ้นแต่ละครั้ง ต้องคำนึงถึงสถานะทางการเงินและการคลังของประเทศควบคู่ไปเสมอ การนำเงินงบประมาณ 5 แสนล้าน มาแจกจ่ายให้กับประชาชนตามเกณฑ์นั้น ถ้าทำได้ไม่สร้างภาระผูกพันกับหนี้สินกับประเทศ แจกได้ครบถ้วน ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่รั่วไหล ก็น่าจะพอมีประโยชน์
ย้อนเวลาไปครั้งแรกๆเมื่อ 7-8 เดือน บอกว่าแจกทุกคนตั้งอายุ 16ปี ขึ้นไป ตีกรอบให้ใช้ซื้อของในขอบเขตจำกัดเพื่อกระตุ้นและกระจายรายได้ลงทุกพื้นที่ทุกอำเภอ วันนี้เปลี่ยนเงื่อนไขไปไกลมาก จนไม่แน่ใจว่ากลุ่มไหนใครที่สมควรจะได้รับ ไม่แน่ใจว่าจะเน้นกลุ่มเป้าหมายทางเศรษฐกิจเหมือนที่วางไว้หรือไม่ ประการที่สองเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการจะไม่กู้ มีแหล่งเงินไว้แล้ว วันนี้สรุปว่าจะใช้งบประมาณปี67 68 บวกกับเงิน จากธนาคารเพื่อการเกษตร(ธกส) ก็เมื่อเป็นเงินงบประมาณ อัดฉีดเข้าไปในระบบก็คงไม่ได้ต่างอะไรเพราะเงินงบประมาณก้อนเดิมเอามาแจก เงินงบประมาณรัฐหายไป 500,000 กว่าล้าน แล้วเอากลับเข้ามาด้วยการแจกแบบดิจิทัลในจำนวนเท่าเดิม ถ้าไม่รั่วไหล ก็ไม่แน่ใจว่าจะเพิ่มมูลค่าขึ้นจากเดิมได้สักเท่าไหร่ กี่รอบตามที่พูดไว้หรือไม่
ประการที่3 ในครั้งแรกบอกว่า จะใช้ซุปเปอร์แอพ เขียนใหม่ทันสมัย ในการจัดการแจกเงินดิจิทัล ก็สงสัยว่ากระเป๋าตุงกระเป๋าตังค์ ที่รัฐบาลที่แล้วทำไว้และใช้ส่งถึงประชาชนมาตลอด ไม่มีค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงอะไร ดำเนินการไว้โดยธนาคารกรุงไทย ทำไมไม่ใช้ ประการที่ 4 ยืนยันจากรัฐบาลนี้ว่าผลประโยชน์จะไม่ตกไปกับร้านสะดวกซื้อของใครพิเศษ ให้เหตุผลจากรัฐบาลว่าเพราะนอกจากสะดวกซื้อ1หมื่นกว่าร้านค้าแล้วยังมีร้านที่เข้าโครงการคนละครึ่งอยู่ อีก 1.2ล้านร้านค้า แล้วยังยืนยันว่าจะทำให้GDP ประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1.8 ในโครงการนี้
”เอาละครับ ไม่เป็นไร ไว้คอยดูกันว่าทำได้ถึงครึ่งที่พูดไว้อีกมั้ยนะครับ สุดท้ายก็กลับมาใช้ระบบของรัฐบาลที่แล้วเกือบทั้งหมด แล้วตอนก่อนสมัยเป็นฝ่ายค้านโจมตีโครงการคนละครึ่ง แอพเป๋าตังค์และ ธกส. สรุปที่พูดไว้ก่อนหน้ายังทำไม่ได้สักเรื่อง ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เอาจริงๆนะครับ ถ้ามันยากลำบากมากนักก็ยอมรับเถอะครับว่า นโยบายที่พูดไว้คิดไม่รอบคอบ ทำไม่ได้ อย่าดื้อแล้วทำประเทศเป็นหนี้ สร้างภาระให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ประชาชนเค้าหนีไปอยู่ตปท.ไม่ไหวนะครับ
ทำผิดแล้วทำผิดอีกทำผิดต่อ
อ้าว…เฮ้ยไม่เหมือนที่คุยกันไว้
#Thepoint #Newsthepoint