จากกรณี เอกวาดอร์ที่ได้เข้าบุกสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโกในกรุงกีโต เพื่อจับกุมฮอร์เฆ กลาส อดีตรองประธานาธิบดีที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยที่พำนักอยู่ในสถานที่ดังกล่าวในวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
การกระทำของเอกวาดอร์ทำให้เม็กซิโกประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับเอกวาดอร์ทันที โดยรัฐบาลเม็กซิโกของประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ตำหนิการบุกรุกเข้าไปยังสถานที่ทางการทูตที่ถือเป็นเรื่องผิดปกติว่าเป็นการกระทำที่แสดงถึงความเป็นเผด็จการ ทั้งยังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดอธิปไตยของเม็กซิโก
อลิเซีย บาร์เซนา รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก แสดงความตกตะลึงต่อการบุกสถานทูตเม็กซิโกของเอกวาดอร์ โดยบอกว่านี่คือการโจมตีอย่างรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เม็กซิโกขอย้ำการประณามต่อการละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันของสถานทูตในกีโต และการโจมตีเจ้าหน้าที่ของเม็กซิโก โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ของสถานทูตเม็กซิโกในเอกวาดอร์ทั้ง 18 คนจะเดินทางกลับมาถึงเม็กซิโกในวันที่ 7 เมษายนนี้
เม็กซิโกยังประกาศว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หน่วยงานระดับภูมิภาคและหน่วยงานระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หลังจากที่มีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่ชัดเจนในครั้งนี้
ทั้งนี้ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว พื้นที่ของสถานทูตถือเป็นดินแดนอธิปไตยของประเทศนั้นๆ
รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วลาตินอเมริกา ตั้งแต่บราซิล โคลอมเบีย อาร์เจนตินา และอุรุกวัย ต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเอกวาดอร์ในการบุกเข้าไปจับกุมตัวกลาส ที่ลี้ภัยอยู่ในสถานทูตเม็กซิโกในกรุงกีโต เมืองหลวงของเอกวาดอร์ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อนอย่างรุนแรง
ด้านประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำเม็กซิโก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง ที่มาจาก “การใช้อำนาจเผด็จการอย่างแท้จริง” ของประธานาธิบดีดาเนียล โนโบอา ผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว
โลเปซ โอบราดอร์ กล่าวต่อไปว่า “การเมืองเป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพในระดับสูง” หากผู้นำยังไม่มีประสบการณ์มากพอ หรือขาดความสนับสนุนจากประชาชน การใช้อำนาจของผู้นำ “ยิ่งต้องมีความรอบคอบ การรักษาสมดุล และความมีเหตุผล” และทิ้งท้ายว่า หากบ้านเมืองอ่อนแอ ผู้ที่ไร้ประสบการณ์ มักก้าวมามีอำนาจบริหารประเทศนั้น
ที่มา https://www.aljazeera.com/news/2024/4/6/mexico-suspends-ties-with-ecuador-after-police-raid-embassy
