นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กคลิปวิดิโอ ชวนแฟนคลับ”ลิซ่า Black Pink”ศิลปินดาราชื่อดัง ร่วมหนุนแก้กฎหมาย”ห้ามโฆษณาเหล้า” โดยระบุว่า ชวนแฟนคลับ “ลิซ่า” แฟนศิลปินดาราเกาหลี ร่วมหนุนแก้กฎหมาย “ห้ามโฆษณาเหล้า” 2 สัปดาห์ติดแล้ว ในการจัดรายการ “เอาปากกามาวง” ผมชวนวิเคราะห์ข่าว ปัญหาของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา ม.32
.
โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ มาจากกรณีที่ ‘ลิซ่า’ ลลิษา มโนบาล ไอดอลสาวชาวไทย สมาชิกวง Blackpink ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งทางแวดวงผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายเล็ก บรรดานักปรุงเบียร์รายย่อยในประเทศไทย ห่วงว่าจะเป็นช่องว่างให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ สามารถทำการโฆษณาจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาได้ หรือไม่?
.
ซึ่งเรื่องนี้ผมพูดชัดว่า ไม่ได้วิจารณ์ไปที่กรณีคุณลิซ่า และคุณลิซ่าเองก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายที่มาเป็นแบรนแอมบาสเดอร์เหล้า หากแต่เป็นการชี้ให้เห็น “ปัญหา” ของ “มาตรา 32” ในกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งมีใจความสำคัญเรื่อง “ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” โดยผมวิจารณ์ไว้ใน 3 ประเด็นปัญหาคือ
.
- เป็นมาตราที่จำกัดสิทธิเสรีภาพเกินกว่าเหตุ ไม่ได้สัดส่วน และไม่คำนึงถึงถึงหลักสัมฤทธิ์ผล ว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้คนเลิกดื่มแอลกอฮอล์จริงหรือไม่?
. - โทษสูงกว่าที่ควรจะเป็น คือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งยังสามารถปรับได้เรื่อยๆ วัน 1 หมื่นบาทจนกว่าจะหยุดโฆษณา ซึ่งเป็นโทษที่สูงกว่ากรณีเมาแล้วขับแล้วขับเสียอีก
. - การเขียนกฎหมายแบบนี้ เปิดช่องให้มีการเลือกปฏิบัติ ยิ่งที่เราเห็นเป็นข่าวว่ามีผู้ประกอบการถูกจับนั้น ก็ล้วนแต่เป็นบรรดาผู้ประกอบการเหล้าเบียร์รายย่อย ทำให้อดเป็นห่วงในการบังคับใช้กฎหมายนี้ไม่ได้
.
รายการ “เอาปากกามาวง” ในสัปดาห์ล่าสุด ผมชวนคิดถึงมุมมองของบรรดาผู้ออกกฎหมาย บรรดาคุณหมอผู้ห่วงเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐผู้บังคับใช้กฎหมายที่มอง “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เป็นสิ่งผิดร้ายแรงเหมือน “ยาเสพติด”
.
ดังนั้น เมื่อนำมาใช้จึงเกิดปัญหาในทางปฏิบัติใน 2 เรื่องสำคัญ คือ
. - ความไม่แน่นอน ความไม่ชัดเจนในการใช้กฎหมาย ไม่มีมาตรฐานว่าแบบไหนทำได้ แบบไหนทำไม่ได้ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องเซ็นเซอร์ตัวเอง ขณะที่รายใหญ่นั้นได้เปรียบ เพราะไปหาช่องว่างของกฎหมาย เช่น ผลิตน้ำดื่ม โซดา เบียร์ 0 % ซึ่งโฆษณาได้ แต่ขณะเดียวกันก็มียี่ห้อเหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นๆ ยังรวมถึงการที่ผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นมีทุนหนา สามารถใช้ช่องว่างกฎหมายเรื่องการโฆษณาจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาได้
.
เราจึงได้เห็นการไปซื้อโฆษณาที่ต่างประเทศ การที่ไปสนับสนุนการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ๆ ในต่างประเทศ และเมื่อมีการถ่ายทอดสดกลับมาในประเทศไทย คนไทยจะได้เห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อนั้น ซึ่งแบบนี้ไม่มีความผิด
. - ทำให้เกิดกรณีนักล่ารางวัลนำจับ ด้วยโทษปรับที่มีอยู่สูงถึง 500,000 บาท นั้น ทำให้หลายคนที่ไม่อยากวุ่นวายกับการต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ยอมเสียค่าปรับให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากที่มีผู้เก็บขอมูลพบว่าจะมีการเสียค่าปรับทันที 50,000 บาท และค่าปรับ 50,000 บาท นี้ จำนวน 10,000 บาท นั้นเข้ารัฐ แต่อีก 40,000 บาท จะเป็นส่วนแบ่งของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการจับกุม
.
ใน 40,000 บาท นั้นแบ่งเป็น 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการจับกุม และ 30,000 บาท เป็นค่าสินบนนำจับ ซึ่งในส่วนนี้จะมีการแบ่งไปให้กับเจ้าหน้าที่อีกมากมายหลายคน ซึ่งหากใครอยากรู้รายละเอียด ลองไปดูคลิปรายการเต็มๆ ย้อนหลังได้ และสำหรับกรณีที่แฟนคลับของคุณลิซ่า นำรูปคุณลิซ่าถือขวดเหล้ายี่ห้อที่คุณลิซ่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาโพสต์ ก็ถูกสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเอาผิด
.
มาถึงจุดนี้ จึงทำให้ผมมีความคิดว่า…ด้วยเหตุแห่งปัญหาของกฎหมาย มาตรา 32 เรื่องห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยมองเห็นถึงศักยภาพของแฟนคลับคุณลิซ่ารวมถึงบรรดาแฟนคลับศิลปินเกาหลี นี่เองที่ทำให้ผมอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมกันรณณงค์แก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เพราะ 14 ปี ที่มีการบังคับใช้มา พิสูจน์แล้วว่าไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ควรต้องหามาตรการอื่นเพื่อจูงใจหากจุดประสงค์คือต้องการให้คนลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
.
แต่หากเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงบรรดาคุณหมอๆ ทั้งหลายที่ทำเรื่องนี้มีวิธีคิดอีกแบบหนึ่งว่า นี่ขนาดมีการห้ามมาถึง 14 ปีแล้ว แต่คนยังดื่มอยู่ ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ต้องห้ามให้หนักขึ้นอีก ต้องลงโทษให้หนักขึ้นอีก นั่นก็ยิ่งสะท้อนว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหา การบังคับใช้กฎหมายฉบับบนี้มีปัญหา และยิ่งต้องแก้ไขให้เร็วที่สุดครับ
.
ThePOINT #ข่าวการเมือง #ลลิษามโนบาล #ลิซ่าแบล็กพิงค์ #คณะก้าวหน้า #เอาปากกามาวง #ห้ามโฆษณาเหล้า #ลิซ่า