เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2568 นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า
การพบกันระหว่างคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายกอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประธานอาเซียน และมินอ่องหล่ายน์ ผู้นำเผด็จการเมียนมา ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพ ในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเดินเกมรุก เดินหน้าจัดการเลือกตั้งในเมียนมา
10 เมษายนที่ผ่านมา มินอ่องหล่ายน์ ประกาศชัดเจนว่าจะจัดการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมถึงมกราคมที่จะถึงนี้ โดยแบ่งการเลือกตั้งเป็น 4 เฟส
ปัญหาใหญ่คือ การเลือกตั้งจะเกิดได้อย่างไร ในเมื่อ SAC หรือรัฐบาลทหารเมียนมา ครองพื้นที่เพียง 22% ของ township หรือเมืองทั้งหมดในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่เพียง 17% ของแผ่นดินเมียนมาเท่านั้น ส่วนกองกำลังฝ่ายต่อต้านครองพื้นที่กว่า 30% ที่เหลือคือพื้นที่ช่วงชิงที่ยังไม่มีใครครอบครองได้เบ็ดเสร็จ
หากดูจากตัวเลขที่ว่านี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่การเลือกตั้งซึ่งกำลังถูกผลักดันให้เกิดขึ้น จะนำไปสู่การยุติสงครามและเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในเมียนมา เพราะฝ่ายต่อต้านจะไม่เข้าไปมีส่วนในการเลือกตั้งที่มินอ่องหล่ายน์เป็นผู้จัดอย่างแน่นอน
บทบาท Peace promoter สนับสนุนการเลือกตั้งในเมียนมาที่คุณทักษิณกำลังทำอยู่ มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นการฟอกขาวเผด็จการมินอ่องหล่ายน์ หากไม่สามารถดึงเอาผู้นำฝ่ายต่อต้าน และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เข้าร่วมได้
การมาพบปะกันที่กรุงเทพฯ ในวันนี้ กลุ่มฝ่ายต่อต้านฯ ก็ได้มีแถลงการณ์ร่วมกันแสดงความไม่พอใจออกมาแล้ว โดยย้ำว่ามินอ่องหล่ายน์ละเมิด 5-point consensus ของอาเซียน เรื่องการยุติความรุนแรง เพราะจนถึงวันนี้ ท่ามกลางซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหว มินอ่องหล่ายน์ยังคงทิ้งระเบิดใส่พลเรือนทุกวัน การพบปะในครั้งนี้จึงเสี่ยงที่จะละเมิดจุดยืนของอาเซียนเองที่ยืนหยัดต่อต้านเผด็จการทหารเมียนมามาตั้งแต่ปี 2021
ขอย้ำว่า ลำพังเพียงการเลือกตั้ง จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับสถานการณ์สงครามในเมียนมา เพราะตราบใดที่ไม่มีการเจรจากับฝ่ายต่อต้าน จะไม่สามารถยุติการสู้รบได้
เมื่อการรบไม่สามารถยุติได้ ปัญหาต่างๆ ที่ไทยเผชิญผลกระทบอยู่ เช่นยาเสพติด สแกมเมอร์ ผู้หนีภัยทะลักเข้ามาตามชายแดน การค้าชายแดนหยุดชะงัก ก็จะไม่ยุติไปด้วย
จึงเป็นคำถามว่า แล้วไทยจะได้อะไรจากบทบาทของคุณทักษิณในครั้งนี้?
หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้จริงตามแผนของมินอ่องหล่ายน์ เราจะถือว่าเป็นเครดิตของไทยและอาเซียนได้หรือไม่?
หรือมันจะกลายเป็นการเสียเครดิตครั้งใหญ่ของไทยกันแน่? แถมเราจะยังพบว่าปัญหาในบ้านเราที่เป็นผลพวงจากสงครามในเมียนมา ก็ไม่ได้หายไปไหนอีกต่างหาก
หากคุณทักษิณอยากสวมบท Peace Promoter เพื่อประโยชน์สุขและเสถียรภาพของไทยและเมียนมาจริงๆ โจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้การหยุดยิง “จริงๆ” และการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลทหารกับฝ่ายต่อต้านเกิดขึ้นให้ได้ แล้วจึงคลี่คลายไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม มีทุกฝ่ายเข้าร่วมลงสมัครรับเลือกตั้ง
ไทยอยู่ในสถานะที่เป็น Peace promoter แบบนี้ได้จริง แต่ผู้ที่กำลังสวมบทบาทนี้ จะทำหรือไม่เท่านั้น
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#ทักษิณ #มินอ่องหล่าย #สงคราเมียนมา
#พรรณิการ์วานิช