เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567 ที่หน้าศาลจังหวัดนนทบุรี ทนายเดชา กิตติวิริยะนันท์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางมาเป็นทนายความฝ่ายโจทก์ให้กับ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน ในคดีแตงโม โดยทนายเดชา กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาพูดเรื่องมรรยาททนายความของทนายเดชา และให้รอรับของขวัญชิ้นใหญ่ในเดือนธันวาคมนี้ว่า ตนไม่ได้กังวลอะไร นายสนธิจะร้องเรียนอะไรก็ปล่อยไป ตนมีหน้าที่ชี้แจงหากสภาทนายความรับเรื่องไว้
“ไม่มีอะไรต้องห่วง ส่วนเรื่องที่นายสนธิจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ผม ผมก็ยินดีรับขอให้รีบส่งมา ไม่ต้องมาพูดข่มขู่ผ่านสื่อ อยากทำอะไร อยากฟ้องอะไร ก็ทำเต็มที่เลยผมยินดีเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม ไม่มีปัญหา เรื่องที่นายสนธิกล่าวหากว่าผมสนุกปาก ทำคอนเทนต์ วิเคราะห์ต่างๆ ผมก็ทำเหมือนกับที่นายสนธิวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมากมาย ไม่ได้ต่างกัน ต่างคนต่างทำมาหากิน เรื่องของผมก็คือเรื่องของผม แต่นายสนธิมายุ่งกับผมก่อน ผมก็ไม่ซีเรียส จะฟ้องร้องร้องเรียนอะไรเต็มที่เลย เรื่องนี้ผมไม่โต้ตอบดีกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง เพราะว่าผมมีอาชีพเป็นทนายความ ผมจะทำอะไรไม่ต้องแถลงข่าว ไม่ต้องมานั่งข่มขู่”
ทนายเดชา กล่าวอีกว่า ส่วนคดีทนายตั้มที่นายสนธิจะขอให้ตรวจสอบคนรอบตัวทนายตั้มรวมถึงพี่สาวนั้น นายสนธิไม่มีอำนาจอะไรจะไปตรวจสอบคนเหล่านี้ มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ นายสนธิไปเกี่ยวอะไร ถึงจะไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนใกล้ตัวทนายตั้ม ถ้านายสนธิอยากทำก็ทำไป ไม่เกี่ยวอะไรกับตน เพราะถ้ามีหลักฐานพยานในการกระทำผิด ก็ส่งศาลเอาติดคุกติดตะรางไป แต่ถ้าทนายตั้มไม่ได้ทำผิดเขาก็ชนะคดีไป ตนไม่ได้สนใจในเรื่องที่นายสนธิทำ
ส่วนเรื่องที่นายสนธิไปร้องสภาทนายความ กรณีนี้เห็นได้ชัดเจนว่าตนไม่มีแผลอะไร เพราะไม่เคยหลอกลวงใคร ไม่เคยติดคุกติดตะราง ลองถามนายสนธิดูว่าตอนที่นายสนธิติดคุก เคยเจอตนไหม ไม่มีแน่นอนไม่ว่าข้อหาอะไร ตนมีเรื่องเดียวคือเรื่องที่โต้เถียงกับนายสนธิ ตนมองว่ามันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ มันเป็นสิทธิเสรีภาพ อย่างมากก็ฟ้องหมิ่นประมาทกัน ตนก็สู้ไป ต่างคนต่างวิจารณ์มันแก้คดีได้ไม่ยุ่งยาก และตนก็ไม่ห่วงเรื่องที่นายสนธิไปร้องสภาทนายความให้ตรวจสอบตน เพราะตนไม่ได้ทำผิดอะไร
ทนายเดชา กล่าวต่อว่า สำหรับที่คนมองว่านายสนธิขุดบ่อล่อปลา ล่อตนให้มาเข้าทางนั้น เพราะเห็นว่าตนไปเข้าข้างทนายตั้มก็ปล่อยให้เขาคิดไปตามสบาย ตนไม่เคยเก็บอะไรมาคิด ใครจะเห็นต่างก็ว่ากันไป คดีหมิ่นประมาทไม่มีอะไร เพราะเขาก็ยังวิจารณ์ตนเลยว่าเป็นมิตรแท้โจร ช่วยเหลือพวกทนายโจร ก็ว่ากันไป แต่พอตนพูดบ้างเขาก็รับไม่ได้ เพราะเขาแก่แล้ว คิดว่าใครในประเทศไทยใครจะมาวิพากษ์วิจารณ์เขาไม่ได้ แต่เขาวิจารณ์ตนได้ ตนก็จะไม่ฟ้องร้องใคร ตนยินดีพร้อมเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม แม้ว่าตนจะไม่ใช่สื่อแบบนายสนธิ แต่บนศาลเป็นเวทีของตน เพราะตนมีอาชีพทนายความ ทัวร์จะลงก็ลงไปตนไม่ได้ว่าอะไร
เพราะถ้าคอมเม้นต์มันเยอะมากตนก็ลบออก ตนผ่านเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่สมัยคดีแตงโม คดีโรงเรียนสารสาท คดีหวย 30 ล้าน ทัวร์ก็มาลงตนมาตลอด เพราะแค่ตนคิดต่างไม่เหมือนคนอื่น จะเรียกว่าแทงสวน แทงตาม แทงกั๊กหรืออะไรก็แล้วแต่ ตนไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยติดคุก ไม่มีแผลไม่เคยตบทรัพย์ใครไม่รับจ้างด่าใคร ถึงใครจะไม่ติดตามตน หรือไม่เห็นด้วยกับตน ก็ให้เลื่อนผ่านไป ตนอยู่ในโซเชียลมานาน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ
”สวนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับทนายตั้มนั้น ความเป็นเพื่อนของผมไม่มีที่สิ้นสุด ถึงทัวร์จะลงผม ผมกับทนายตั้มก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ถ้าเขาทำผิดอะไรไปก็รับเวรรับกรรมไป ผมไม่ได้เข้าไปช่วยทำดำให้เป็นขาว หรือทำลายหลักฐาน ยังไงผมก็ยังเป็นเพื่อนกับทนายตั้มเหมือนเดิม ผมไม่ได้มีความรู้แค่ทางกฎหมายว่าใครทำอะไร ผมยังมีหน้าที่อธิบายข้อกฎหมายให้อีกด้วย ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น ผมไม่ไปก้าวล่วง
สุดท้ายผมก็อยากฝากถึงทนายตั้มให้รักษาสุขภาพให้ดี อันไหนถ้าทำผิดก็ยอมรับไป แต่ถ้าไม่ได้ทำผิดก็สู้คดีไป ส่วนทนายสายหยุด ผมก็คุยกันเกือบทุกวันก็ให้กำลังใจเขาไปเพราะเขาเป็นทนายผู้ต้องหา และผู้ต้องหาดังเป็นบุคคลที่สังคมตัดสินแล้วว่าชั่วว่าเลว พอทนายสายหยุดเข้ามาช่วยมันก็อาจจะมีทัวร์ลงบ้างไม่เป็นไร ชีวิตคนเราดีชั่วอยู่ที่การกระทำของแต่ละคน มันไม่ได้อยู่ที่คำพูดของใคร ฝากไว้แค่นี้ ก่อนทนายเดชาจะกล่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดสัญลักษณ์ประจำตัว จุ๊กกรู๊ๆ ยังขันจุ๊กกรู๊ได้เหมือนเดิม ”
…..
#Thepoint #Newsthepoint
#ทนายเดชา #ทนายตั้ม #สนธิลิ้มทองกุล #เจ๊อ้อย