ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล กล่าวในงานเสวนา “เจาะลึกวิกฤติร่วมคิดทางออก” ที่จัดขึ้นโดยพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โดยระบุว่า สถานการณ์โลกในขณะนี้ ทั้งภาวะสงคราม สถานการณ์ราคาพลังงานแพง การขาดแคลนอาหาร จะยังคงมีความยืดเยื้อต่อไป รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด ถึงจะบรรเทาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศได้
.
ดร.บัณฑิต มองว่า แนวทางแก้ปัญหาที่มุ่งเน้นการใช้จ่ายจากภาครัฐเพียงอย่างเดียวนั้นไม่อาจตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤติในวันนี้ และต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะผลที่ตามมา คือจะเป็นการเร่งตัวของภาวะเงินเฟ้อให้เร็วขึ้น รวมถึงการสร้างภาระทางการเงินจากการที่รัฐต้องกู้เงินเพิ่มมากขึ้น และได้เสนอแนะ 3 แนวทางแก้ปัญหาหลักสำคัญที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ ดังนี้
1.การแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ ควรใช้กลไกตลาดมากกว่าการควบคุม เพราะมาตรการควบคุมเป็นมาตรการที่ใช้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน และหากมุ่งเน้นมาตรการควบคุมประเทศอาจจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนสินค้า เนื่องจากไม่คุ้มทุนการผลิตของผู้ประกอบการ
2.การช่วยเรื่องการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องสภาพคล่อง การประนอมหนี้ การดูแลค่าเงินให้มีความสมดุล
3.การประหยัด ซึ่งภาครัฐต้องส่งสัญญาณให้เกิดความร่วมมือกันของคนในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้ออกมาประกาศลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
.
ดร.บัณฑิต ระบุว่า ที่สำคัญอยากให้รัฐบาลใช้ศักยภาพของประเทศในฐานะที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสในช่วงที่โลกเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนอาหาร ด้วยการสร้างโอกาสใหม่ สร้างรายได้ให้กับประเทศ ผ่านภาคการเกษตร และการผลิตอาหาร
.