เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมายังวัดสุทธาโภชน์ เพื่อร่วมงานสวดพระอภิธรรมในพิธีบำเพ็ญกุศลคืนแรกของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง นักกิจกรรมที่เสียชีวิตในเรือนจำ ระหว่างอดอาหารประท้วงสิทธิประกันตัว
นายชัยธวัช ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเคยพูดว่าเป็นเรื่องของศาล ซึ่งก็ถูกต้อง แต่สิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถทำได้ หากต้องการฟื้นฟูระบบนิติรัฐตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐบาลสามารถหารือพูดคุยกับฝ่ายตุลาการได้เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าตนสนับสนุนให้รัฐบาลไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่มุมของสังคมที่มองว่าพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำทางความคิดของนักกิจกรรมเยาวชน กระทั่งนำมาสู่การเสียชีวิตนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าเราพิจารณาดูข้อเท็จจริง พรรคก้าวไกลไม่เคยสนับสนุน น.ส.เนติพร หรือการอดอาหารประท้วงแน่นอน แต่เป็นการตัดสินใจของแต่ละท่าน ตั้งแต่กรณีของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ เราก็มีความพยายามประสานงานติดต่อให้ยุติการประท้วง แต่สุดท้ายต้องยอมรับว่าตัวเขาเองเป็นผู้ตัดสินใจ
“ผมไม่เห็นใครที่คงอยากจะผลักให้ใครไปอดอาหารจนเสียชีวิต ผมคิดว่าปัญหาตอนนี้ ต้องพูดว่าต้นเหตุของปัญหาอยู่ตรงไหน อย่างนี้เหมือนกับเราบอกว่าสุภาพสตรีที่ถูกข่มขืนเป็นเพราะแต่งตัวโป๊ ซึ่งก็ไม่ถูก ผมคิดว่าต้นเหตุของปัญหาที่นำไปสู่การอดอาหารประท้วง คือปัญหาซ้ำซากของการไม่ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมแม้กระทั่งเรื่องที่เป็นพื้นฐานมากๆ อย่างการประกันตัว” นายชัยธวัชกล่าว
นายชัยธวัช กล่าวว่า สิทธิการประกันตัวเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไปว่ากันในชั้นศาล แต่สิทธิการประกันตัวเป็นเรื่องของทุกคน การไม่ให้ประกันตัวควรจะเป็นเพียงข้อยกเว้นจริงๆ
ขณะที่กรณีของ น.ส.ทานตะวัน นั้นคงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์อย่างน.ส.เนติพรเกิดขึ้นอีก เราคงต้องพยายามสื่อสารกับน.ส.ทานตะวัน แต่สิ่งที่อาจจะช่วยได้มาก ในการให้ยุติการอดอาหารประท้วง คือหากมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้นไม่ว่ามาจากฝั่งไหน น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ไม่เกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้อีก
“ผมคงห้ามไม่ได้หากจะมีใครโจมตีว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของหนุ่มสาว ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปี 2563 ผมยืนยันโดยข้อเท็จจริงหรือว่าเราไม่เคยอยู่เบื้องหลัง การเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวเป็นไปโดยอิสระ สิ่งที่เราพยายามจะทำคือสื่อสารกับสังคมว่า แม้ว่าหลายคนอาจจะตกใจหรือไม่เห็นด้วย แต่แนวทางที่ดีที่สุดไม่ให้เกิดการสูญเสีย คือแนวทางสายกลาง ไม่ควรผลักให้ใครต้องสุดขั้วมากขึ้นเรื่อยๆ” นายชัยธวัชกล่าว
นายชัยธวัช กล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยเกิดอะไรขึ้น ที่สุดท้ายผลักให้คนที่เพียงถือกระดาษทำโพลต้องออกมาแสดงออกในรูปแบบที่หลายคนมองว่าก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ต่างหากที่ต้องช่วยกันทบทวน ขณะเดียวกันก็ต้องชวนคิดกับคนรุ่นใหม่ว่าวิธีการสื่อสารแบบใดจะทำให้คนรับฟังมากขึ้น
“ประเด็นตอนนี้อยู่แค่เพียงสิทธิตามประกันตัวขั้นพื้นฐาน เหตุใดจึงไม่ได้รับการรับรอง ส่วนเขาจะผิดจริงหรือไม่ตามที่กล่าวหา ก็ว่ากันไปตามชั้นศาล ทำไมคนบางกลุ่มจึงมีอภิสิทธิ์ที่จะได้รับการดูแลอย่างดีในราชทัณฑ์ หรือได้รับการปล่อยตัว ทั้งที่ในบางมิติกระทำการรุ่นแรงกว่าด้วยซ้ำ ผมว่าอย่าเพิ่งผิดประเด็น” นาย ชัยธวัช กล่าว