เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2567 สืบเนื่องจากคดีฆ่าตัดมือแฟนสาว น้องมิ้ง วรัญญา ทิ้งศพใต้ทางด่วนบางพูน ก่อนที่คนร้ายคือ นายธนากรณ์ หรือ แซน อายุ 18 ปี ผู้ก่อเหตุพยายามกินยาฆ่าตัวตายหนีความผิด โดยเป็นยา risperidone ซึ่งเป็นกลุ่มยาจิตเวช เข้าไปจำนวนมาก แต่ก็ไม่สำเร็จ ถูกรักษาตัวส่งโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส หนำซ้ำก่อนกินยา ได้โทรหาพ่อแม่ ส่งข้อความ “ขอโทษทุกสิ่งทุกอย่าง”
ต่อมาพล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 เผยว่า คนร้ายมีประวัติการรักษาจิตเวช มีประวัติอาชญากรรมคดีพรากผู้เยาว์ด้วย
คดีพรากผู้เยาว์นี้ เพจเฟซบุ๊ก ล่า เล่าว่า “ฆาตรกรเคยโดนคดีอนาจารเด็ก 13 เฟนที่ถูกฆ่าถูกกล่าวหานางนกต่อ
ในคดีเดียวกันเมื่อปีที่เเล้ว “คุณนิกม์ แสงศิรินาวิน” เล่าให้เเอดมินพร้อมหลักฐานต่างๆ ว่า ฆาตรกรอายุ 18 ที่ก่อเหตุฆ่าเเฟนสาวอายุ 18 นั้น เคยก่อเหตุในคดีอนาจารเด็กหญิงอายุ 13 มาก่อน โดยมีผู้เสียชีวิตในวันนี้เป็นนางนกต่อ
พฤติกรรมคือ สร้างลัทธิจุดเทียนเขียนดาวลงยันต์ เเล้วให้เเฟนสาวชักชวนเด็กหญิงอายุ 13 ซึ่งให้เป็นความเคารพในฐานะรุ่นพี่ เรียกลงมาให้เเฟนหนุ่ม จากนั้นฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย ทุ่มลงพื้น กระทืบ จนเด็กหญิงหมดสติ
เมื่อฟื้นลากเข้ามุมตึก อนาจารสอดใส่ เด็กหญิงพยายามร้อง มี รปภ.เห็นเหตุการณ์ เเต่ถูกข่มขู่ เมื่อสำเร็จความใคร่ ก็ทำร้ายร่างกายจนสลบไปอีกครั้ง พยายามลากไปยังพื้นที่พิธีกรรม เเต่มีคนมาช่วยไว้ได้ก่อน
คดีเเพ่งศาลตัดสินให้ฝ่ายชายต้องชดใช้ คดีอาญานัดไต่สวน 28 สิงหาคมนี้ ยชอ.49/2567″
เพจล่าได้ลงใบแจ้งความของผู้เสียหายที่สถานีตำรวจนครบาลคันนายาว ทำให้ทราบพฤติกรรมอันโหดร้ายของวันนั้นว่า “พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2565 เวลาประมาณ 22.30 น. ขณะที่ผู้กล่าวหากับ ด. . . . อายุ 13 ปี 8 เดือน ผู้เสียหาย อยู่ในห้องพักอาศัย ผู้เสียหายได้ลงไปหา น.ส.วรัญญา หรือ หมิง เพื่อรุ่นพี่ ที่บริเวณชั้นล่างอาคาร 11 และต่อมาผู้กล่าวหาได้รับโทรศัพท์จาก ผู้เสียหาย บุตรสาวของตนถูกทําร้ายร่างกาย และจับตัวคนทําร้ายไว้ได้ อาคาร 28 (การเคหะออเงิน) จึงให้ิบิดาไปพบผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอาการตกใจกลัว และมีร่องรอยการถูกทําร้ายร่างกาย ได้พาตัวบุตรสาวกลับมาห้องพักอาศัย และสอบถามจึงได้ทราบว่า
หลังจากผู้เสียหาย ลงไปหา น.ส.วรัญญาฯ แต่ไม่พบ แต่ได้พบ นายธนากรณ์ หรือ แซม ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน เมื่อนายธนากรณ์ ผู้ต้องหาเห็นผู้เสียหาย ได้เดินเข้ามาชกต่อยที่ใบหน้า และใช้มือบีบคอ จับผู้เสียหายทุ่มใส่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ ทําให้ได้รับบาดเจ็บและหมดสติไป
ต่อมาเมื่อผู้เสียหายเริ่มมีสติ ได้ถูกผู้ต้องหากระชากลากตัวและจับทุ่มลงกับพื้นคอนกรีตอีกครั้ง จากนั้นผู้ต้องหาได้กระชากลากตัวผู้เสียหายเข้าไปในที่มืด ระหว่างอาคาร 10 และอาคาร 11
ผู้ต้องหาใช้มือปิดปากไว้ และผู้ต้องหาพูดขู่ไม่ให้เสียงดัง และหาก ร.ป.ภ. มาเห็นให้บอกว่า เป็นเป็นแฟนกัน หากไม่เชื่อจะบีบคอให้ตาย จากนั้น ผู้ต้องหาใต้ถอดกางเกงผู้เสียหาย ที่สวมใส่อยู่ลงมาถึงหัวเข่าและใช้นิ้วสอดใส่เข้าภายในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย ประมาณ 2-3 นาที ผู้เสีหายพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ถูกผู้ต้องหาบีบคอไว้
จากนั้นผู้ต้องหาลากตัว กลับมาที่ บริเวณที่จอดรถจักรยานยนต์ และผู้ต้องหาจับทุ่มลงพื้นจนหมดสติไปอีกครั้ง และเมื่อผู้เสียหาย ได้สติขึ้น ผู้ต้องหาได้ใช้เท้าเตะที่ใบหน้า และจับตัวอุ้มไปขึ้นรถจักรยานยนต์ โดยผู้ต้องหาบอกว่า จะพาไป จะพาไปทําบริษัทใต้ดิน (ทราบภายหลังว่า คือ การอุ้มตัวพาไปหมาดิน ซึ่งเป็นภาษา ของวัยรุ่นปัจจุบัน) และผู้ต้องหาบังคับให้ผู้เสียหายขึ้นรถจักรยานยนต์ และเมื่อกําลังขับรถผ่าน ทางเข้าระหว่างอาคาร 27 และอาคาร 28 ผู้เสียหายได้ใช้มือข้างขวา กระชากมือข้างขวา ของผู้ต้องหาที่กําลังจับคันบังคับรถอย่างแรง ทําให้รถเสียหลักพุ่งเข้าไป บริเวณจอดรถระหว่าง อาคารดังกล่าว
และผู้เสียหายได้ร้องขอความ ช่วยเหลือ และรถจักรยานยนต์ ได้ล้มลง จากนั้น ได้มี น.ส.กุ้งฯ, น.ส.โอ๋ฯ, และนายต้อมฯ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ที่นั่งอยู่ที่ร้านขายอาหาร ตามสั่งหน้าอาคาร 28 เข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหาย และจับตัวผู้ต้องหาไว้ ผู้กล่าวหาจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ ตํารวจ และเจ้าหน้าที่ตํารวจได้นําตัว ผู้เสีหายและผู้ต้องหา มาพบพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ส่งผู้เสียหายและผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลฯ ข้าฯจึงมาร้องทุกข์ดําเนินคดีกับผู้ต้องหาเพื่อ ให้ได้รับโทษตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อไป”